2121 จำนวนผู้เข้าชม |
รู้หรือไม่? “ขมิ้นชัน” ที่ดีที่สุดในโลก อยู่ที่สุราษฎร์ฯ
สารสำคัญในขมิ้นชัน โดยทั่วไปมีอยู่ 2 ตัว คือ สารเคอร์คูมิน สารตัวนี้เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนต์ อีกตัวหนึ่งคือน้ำมันหอมระเหย สารสองตัวนี้จะช่วยในเรื่องของการรักษาสุขภาพ รักษาระบบทางเดินอาหาร สารสำคัญสองตัวนี้รวมกันต้องมี 10 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปถึงจะมีคุณสมบัติในการรักษาได้ ซึ้งขมิ้นชันสุราษฎร์
“กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้นำตัวอย่างขมิ้นจากที่ต่างๆ มาวิเคราะห์หาสารคิวเคอร์มินอยด์ (Cucurminoid) ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์แก้อักเสบในขมิ้นชันจากที่ต่างๆ ทั่วโลก พบว่าขมิ้นชันธรรมดาจะมีสารดังกล่าวอยู่ในระดับ 3-4 แต่ขมิ้นที่อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานีแห่งนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้นำตัวอย่างขมิ้นที่นี่ไปตรวจ พบว่ามีสารคิวเคอร์มินอยด์สูงมากถึงในระดับประมาณ 10 ถึง 10 กว่าๆ ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่ดีที่สุดในโลก”
ซึ่งความพิเศษของ “ขมิ้นชันสุราษฎร์
ขมิ้นชันเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณ แก้ท้องอืด ขับลม ช่วยระบบย่อยอาหาร ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ลดการบีบตัวของลำไส้ ต้านเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบ ขับน้ำดี แก้ท้องเสีย รักษาแผลหลังผ่าตัด
การรับประทานขมิ้นให้ตรงเวลารักษาโรคได้ ซึ่งวิธีในการรับประทานขมิ้นชันให้ได้ผลดี โดยต้องรับประทานตามเวลาต่อไปนี้
03.00-05.00 น. การรับประทานขมิ้นชันในช่วงเวลานี้จะช่วยบำรุงปอด ทำให้ปอดแข็งแรง ช่วยเรื่องภูมิแพ้ของจมูกที่หายใจไม่สะดวก และยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ผิวหนัง
05.00-07.00 น. จะช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่ ให้รับประทานขมิ้นชันเวลานี้ เพราะขมิ้นชันจะฟื้นฟูปลายประสาทของลำไส้ใหญ่ แต่ต้องรับประทานเป็นประจำจึงทำให้ลำไส้ใหญ่บีบรัดตัวเพื่อช่วยให้ขับถ่ายได้เป็นปกติ
07.00-09.00 น. ช่วยแก้ในเรื่องของกระเพาะอาหารที่เกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่เป็นเวลา และยังช่วยลดอาการท้องอืด จุกแน่น ปวดเข่า ขาตึง ช่วยบำรุงสมองและป้องกันความจำเสื่อมได้
09.00-11.00 น. ช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำเหลืองเสีย มีแผลในปาก อ้วนเกินไป และผอมเกินไปซึ่งเกี่ยวข้องกับม้าม นอกจากนี้ ยังลดอาการของโรคเกาต์ ลดอาการเบาหวาน
11.00-13.00 น. สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ จะช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง
15.00-17.00 น. ช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง แก้ปัญหาเรื่องตกขาวของสตรี
ข้อแนะนำ : เด็ก ผู้หญิงมีครรภ์ และผู้ป่วยโรคนิ่ว ควรใช้ขมิ้นชันโดยอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และห้ามใช้ในผู้ที่ป่วยเป็นท่อน้ำดีอุดตัน
Cr. mgronline.com